09/01/2012
เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๕ นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ลงนามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันบุคคล ทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ ณ ห้องสนธิสัญญา สำนักงานกิจการด้านกฎหมายของสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ซึ่งการลงนามอนุสัญญาฯ ถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศไทยที่จะไม่ดำเนินการใดๆ อันขัดต่อหลักการของอนุสัญญาฯ และความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงกฎหมายภายในที่เกี่ยวข้องของไทยให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ เพื่อคุ้มครองประชาชนมิให้ถูกละเมิดสิทธิจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ
การลงนามอนุสัญญาดังกล่าวยังถือเป็นการปฏิบัติตามคำมั่นด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยให้ไว้ในการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Human Rights Council - HRC) ระหว่างปี ๒๕๕๓-๒๕๕๖ และในช่วงการนำเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เมื่อเดือนตุลาคม 2554 อีกด้วย
อนุสัญญาฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้กับไทยก็ต่อเมื่อประเทศไทยได้ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาฯ ภายหลังจากการลงนาม ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาเกี่ยวกับการเสนอร่างกฎหมายเพื่อรองรับพันธกรณีของอนุสัญญาฯ ก่อนที่ไทยจะดำเนินการให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ ต่อไป
อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับเป็นหนึ่งในตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ๙ ฉบับ โดยประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีแล้ว ๗ ฉบับ ได้แก่
โดยหากประเทศไทยให้สัตยาบันอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันบุคคลทุกคนจากการ หายสาบสูญโดยถูกบังคับ ก็จะถือเป็นตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนฉบับที่ ๘ ที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคี ส่วนตราสารฉบับที่ ๙ ที่ประเทศไทยยังไม่ได้เป็นภาคีคือ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและครอบครัว